ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรรณีที่กระแสการท่องเที่ยวชุมชนกำลังมาแรงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ประกอบการสถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลายประเทศไทยมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทำให้ล่าสุดทางเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งมีนายวันชัย จงสุทธาณามณี เป็นนายกเทศมนตรี ได้ร่วมคณะวิจัยมหาวิทยาลัยศิลปากร และ สมาคมสมาพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย ได้เปิดการท่องเที่ยวชุมชนดอยสะเก็น ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ขึ้นภายใต้โครงการวิจัย การพัฒนาย่านวัฒนธรรมชุมชนและพื้นฟูวัฒนะรรมประเพณีและสร้างวัฒนธรรมใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ด้วยบริบทการพัฒนาชุมชนเมืองด้วยทุนทางวัฒนธรรมชุมชน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองโดยโปรแกรมการท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถกอล์ฟ ซึ่งทางเทศบาลได้จัดให้บริการฟรีจำนวนถึง 3 คัน ตระเวนชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชนเมือง สภาพบ้านเรือนและอาชีพซึ่งส่วนมากยึดอาชีพเกษตกรรมและการค้าขาย ก่อนจะแวะเข้าชมความสวยงามของวัดคีรีชัย วัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน ซึ่ง อุโบสถ เป็นแบบศิลปะล้านนาประยุกต์ คล้ายอุโบสถวัดร่องขุ่น แต่สีจะเป็นโทนสีเขียว พระพุทธรูปในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 2.7 เมตร สูง 2.93 เมตร นามว่า พระพุทธสิริมงคลจากนั้นเดินทางต่อไปดูผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน การประดิษฐ์ผ้าบาติก ที่ร้านปิ่นทองบาติก ซึ่งนายนพชเลศ รอดสุวรรณ อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณและกลุ่มชาวบ้านยึดเป็นอาชีพเลี้ยงครบอครัวและสร้างรายได้แก่ชุมชนมานานกว่า 30 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเรียนรู้และชมฝีมือการวดาลวดลายบนผืนผ้า และขั้นตอนการทำผ้าบาติก พร้อมกันนี้ยังได้ทดลองระบายสีบนผ้าเพื่อทำเป็นผลงานทางศิลปะชั้นเดียวในโลกของตนเอง โดยมีทางชุมชนคอยสอนและให้คำแนะนำ

นายนพชเลศ กล่าวว่าผ้าบาติกปกติเราจะได้พบเห็นทำกันมากพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ แต่ที่ทางชุมชนทำเป็นผ้าบาติกเหมือนกันแต่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับทางภาคเหนือ ทั้งลวดลายที่อาจเป็นลายดอกหรือลวดลายล้านนา รวมไปถึงวัสดุผ้าที่ใช้ก็จะใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมที่มีอยู่ในท้องถิ่น รวมทั้งโทนสีที่ใช้ทางใต้จะใช้สีฉูดฉาด แต่ที่นี่จะเป็นสีตุ่นๆ โทนสีกลางให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ ตลอดจนเส้นเทียนที่เขียนก็จะใช้เส้นเทียนให้เล็กที่สุด ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาจะได้เรียนประวัติความเป้นมาของผ้าบาติกว่ามาอยู่ทางภาคเหนือได้อย่างไร และลงมือทำอย่างน้อยก็ได้ผ้าเช็คหน้าเป้นของที่ระลึกกลับไปด้วย

ต่อมาก็เดินทางต่อขึ้นไปพื้นที่ป่าดอยสะเก็น ซึ่งถือเป็นป่าแห่งเดียวที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ จึงถุกเรียกว่าป่าใจกลางเมือง ซึ่งที่นี่นอกจกาสามารถสักการะองค์พระธาตุดอยสะเก็น พระธาตุเก่าแก่ประจำชุมชนแล้ว ยังสามารถชมความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้ และพันธูนกนานาชนิด รวมไปถึงมีต้นผึ้งซึ่งมีผึ้งมาทำรังเป้นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันบริเวรด้านหน้าทางเทศบาลนครเชียงรายได้มีการจัดทำสกายวอล์ค สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวของชุมชนดอยสะเก็นและทัศนียภาพของตัวเมืองเชียงรายจากมุมสูง ซึ่งมีความสวยงามน่าชมโดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกจะงดงามยิ่ง

ปิดทริปที่ช่วงเย็นในทุกค่ำคืนของวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ ที่กาดนัดดอยสะเก็น ในพื้นที่สาธารณะใจกลางหมู่บ้าน ซึ่งที่นี่ทางชุมชนจะมีการนำผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน สินค้าโอท็อป อาหารพื้นถิ่นและพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ นำมาวางจำหน่ายบริการให้กับนักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ เลือกชิมกันอย่างเต็มอิ่ม โดยมีลานกิจกรรมรำวงย้อนยุคให้ร่วมชมและร่วมเต้น โดยมีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงไว้บริการอีกด้วย

นายธีรวุฒิ สุวรรณ์ คณะกรรมการขุมขนดอยสะเก็น กล่าวว่าทางชุมชนจัดกิจกรรมท่องเที่ยวภายใต้แนวคิดกาดดอยสะเก็น ถนนวัฒนธรรม วีถีล้านนา บูชาพระธาตุ ขึ้นเพื่อหวังสร้างความสามัคคีในชุมชนมีเวทีสำหรับคนในชุมชนทำกิจกรรมร่วมกัน และสร้างอาชีพตลอดจนรายได้แก่ชุมชนที่ยั่งยืน ซึ่งชุมชนมีป่าใจกลางเมืองซึ่งเรียกว่าปลอดของเมืองเขียงรายก็ว่าได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะได้สัมผัสอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชน มีพระธาตุดอยสะเก็นที่เก่าแก่อายุ 400 กว่าปี ซึ่งถูกสร้างครั้นการสร้างเมืองเชียงราย มีจุดชมวิวสกายวอล์คชมวิวได้แบบ 180 องศา
นายธีรวุฒิ กล่าวด้วยว่านอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะสัมผัสวิถีเกษตรซึ่งชุมชนเป็นชุมชนต้นแบบของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีพืชผักปลอดสารพิษให้นักท่องเทียวได้รับประทานและซื้อไปเป็นของฝากของที่ระลึกได้ด้วย มีกาดแลงที่มีอาหารพื้นเมืองให้เลือกชิม ซึ่งชุมชนดอยสะเก็นถือเป็นชุมชนเก่าแก่ตามตำนานเล่าว่าเคยเป็นชุมชนของคนลั๊วะ มาก่อนจึงทำให้มีร่องรอยวัฒนธรรมที่เก่าแก่อยู่ แต่ปัจจุบันก็มีการปรับตัวมาตามยุคสมัย แต่ก็ยังเหลือร่องรอยให้น่าติตดาม ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวได้ทุกวัน
ด้านนางธนัญญา เชิดโฉม รองผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันการท่องเที่ยวชุมชนกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่ง จ.เชียงราย ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีค่อนข้างมากทั้งในตัวเมืองเชียงรายและต่างอำเภอ และมีชื่อเสียงค่อนข้างอาทิชุมชนปางห้า อ.แม่สาย ขึ้นชื่อในการประดิาฐ์กระดาษสาและการเพาะเลี้ยงไหม ชุมชนท่าขันทอง อ.เชียงแสน ติดริมแม่น้ำโขงที่ดำเนินวิถีชีวติขิงชาวอีสานพลัดถิ่น แต่ยังคงอนุรักษณืประเพณีและวัฒนธรรมไว้อย่างแข้มแข็ง ซึ่งช่วงนี้สถานการณ์ควิด 19 คลี่คลายทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่จำนวนมาก
นางธนัญญา กล่าวว่าชุมชนดอยสะเก็น ก็เป็นชุมชนที่น่าท่องเที่ยวเพราะสามารถท่องเที่ยวเที่ยวทั้งด้านวัฒนธรรม ที่มีวัดและพระธาตุอันเก่าแก่ ซึ่เงชียงรายมีทั้งวัดขาวคือวัดร่องขุ่น วัดสีน้ำเงินคือวัดร่องเสือเต้นและวัดห้วยปลากั้งที่มีชื่อเสียง และที่ชุมชนดอยสะเก็นจะมีวัดเขียวให้ได้เยี่ยมชมและสักากระของพร มีสกายวอล์คที่ตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองเชียงราย สามารถแวะชมได้ง่าย มีตลาดชุมชนที่เลือกซ้อปเลือกชิมและเลือกซื้อได้ โดยอนาคตเชื่อชุมชนแห่งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวและสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวแก่ จงเชียงรายได้อีกพื้นที่หนึ่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ดปรแกรมเที่ยวไหนก็สามารถแวะเวียนมาท่องเที่ยวที่นี่ได้.











