ที่ศูนย์กระจายสินค้าชายแดนเชียงแสน(เก่า) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กลุ่มศิลปินและเยาวชนบ้านจอมกิตติ นำโดยนายภาณุวัฒน์ ศรีสุข อายุ 47 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านจอมกิตติ ได้ร่วมกับประดิษฐ์โคมควันหรือโคมลอยขนาดยักษ์ขึ้น โดยมีเส้นฝ่าศูนย์กลาง 8.5 เมตร และปากกว้าง 1.5 เมตร หรือมีขนาดความสูงเท่ากับตึก 4 ชั้น โดยเป็นการสมทบทุนหรืองบประมาณการจัดสร้างโดยความร่วมมือของคนในชุมชน และภาคเอกชนใน อ.เชียงแสน สนับสนุนให้กับทางกลุ่มได้ดำเนินการ โดยการสร้างโคมลอยยักษ์มีค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงินประมาณ 15,000 บาท ต่อ1ลูก โดยใช้เวลาในการประดิษฐ์ประมาณ 1 สัปปดาห์และมีกำหนดที่จะปล่อยในช่วงเทศกาลลอยกระทงวันที่ 11พ.ย.62 ที่จะถึงนี้ ที่ลานด้านหน้าวัดพระธาตุจอมกิตติ โดยจะปล่อยตามเวลาที่ทางการได้อนุญาตช่วงเวลาเอาไว้
นายภาณุวัฒน์ เปิดเผยว่าการจัดทำโคมลอยหรือโคมควันเป็นประเพณีของชาวล้านนาที่หมู่บ้านมีการสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถือเป็นงานประจำปีที่ทำขึ้นทุกปีเพื่อบูชาพระธาตุจอมกิตติ ปีนี้ในช่วงยี่เป็งหรือเทศกาลลอยกระทงจึงได้สร้างโคมลอยยักษ์ขึ้นมีขาดเท่ากับตึก4ชั้น เนื่องจากความเชื่อของคนเหนือหรือคนล้านนาเชื่อว่าการปล่อยโคมควันหรือโคมลอย หากเขียนชื่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและใส่ของกิน ของใช้ในกระเช้าห้อยไปด้วย เชื่อว่าจะส่งไปถึงบรรพบุรุษหรือผู้ที่ล่วงลับที่อยู่บนฟ้าหรือที่เรียกว่าจุฬามณีธาตุ ในอดีตโคมลอยจะทำขึ้นจากกระดาษแต่ปัจจุบันการทำโคมยักษ์จะใช้พาสติกที่ใช้คลุมแปลงผักมาเป็นวัสดุทำแทน
นายภาณุวัฒน์ กล่าวอีกว่าปีนี้ได้ตั้งชื่อโคมลอยว่า “ตานหาคนอยู่บนฟ้า” นอกจากจะเป็นสืบประเพณียี่เป็งยังเป็นการถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้วย ลวดลายที่ตกแต่งโดยรอบโคมลอยจึงเน้นไปที่ลายเส้นของพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน มีภาพพนมมือไหว้และภาพชาวบ้านกราบพระองค์ท่าน และในปี 2558 ทางกลุ่มเคยทำโคมขนาดใหญ่เท่าตึก 8 ชั้น แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงการไว้ทุกข์ทางกลุ่มจึงเว้นการจัดทำ ปีนี้ทางชุมชนอยากให้มีการจัดทำขึ้นมาอีกเพราะปัจจุบันการทำโคมลอยยักษ์เหลือเพียงไม่กี่แห่งที่อนุรักษ์ประเพณีนี้ไว้ ทางกลุ่มจึงได้ร่วมกันมาจัดทำอีกครั้งแต่ปีนี้ได้ลดขนาดลงมาเหลือเพียงตึก 4 ชั้น แต่คาดว่าจะลอยได้สูงและลอยไปไกลเหมือนทุกครั้งซึ่งที่ผ่านโคมลอยจะลอยไปไกลถึงประเทศเมียนมาเลยทีเดียว.
